วันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2554

อำนาจของวินัยและคำให้กำลังใจ

ข้อมูลจากหนังสือ 108-1009


นทีชอบติดตามข่าวกีฬาจะไม่มีวันลืมเรื่องของเด็กผู้หญิงพิการคนหนึ่งที่ชื่อ วิลม่า รูดร๊อฟ (Willma  Rudolph) ในขณะที่พี่น้องในครอบครัวของเธอกำลังวิ่งเล่นสนุกสนานนอกบ้าน แต่เธอกลับต้องอยู่ในบ้าน  ใส่ขาเหล็ก และอยู่เฉย ๆ พ่อแม่พาเธอไปฝึกกายภาพบำบัดเป็นประจำ แต่ไม่มีผลเท่าไหร่ วันหนึ่งเมื่อเธอถามคุณพ่อคุณแม่ของเธอว่า “หนูจะมีโอกาสได้วิ่งเล่นเหมือนเด็กคนอื่น ๆ มั้ยค่ะ” พ่อและแม่ตอบว่า “ถ้าลูกเชื่อพระเจ้าพระองค์ก็จะทำให้เกิดขึ้นได้”
วิลม่า รับคำให้กำลังใจไว้อย่างจริงจังและเริ่มต้นความเชื่อว่า พระเจ้าจะทรงสามารถทำให้เธอเดินได้เหมือนคนปกติทั่วไป ต่อมา เธอแอบถอดรองเท้าขาเหล็ก โดยไม่ให้พ่อแม่และหมอรู้เรื่องนี้ และได้ขอให้พี่น้องของเธอช่วยฝึกในการเดิน โดยพยุงแขนของเธอทั้งสองข้าง วันแล้ววันเล่าของเธอ ฝึกเดินอย่างมีวินัยและโดยอาศัยคำให้กำลังใจจากพวกพี่น้อง
และในวันเกิดครบรอบ 12 ปีของเธอ พ่อแม่พาเธอไปพบหมอตามปกติ แต่วันนั้นทุกคนต้องประหลาดใจอย่างมากที่เห็นเธอถอดขาเหล็กและเดินไปเดินมาในห้องตรวจโรค โดยไม่มีใครช่วยเหลือ และไม่ได้ใช้อุปกรณ์ใด ๆ พวกหมออัศจรรย์ใจในความก้าวหน้าของเธอ
ความตั้งใจของวิลม่า ที่วาดฝันไว้ก็คือ จะเล่นบาสเก็ตบอลให้ได้ โดยความเชื่อและด้วยความกล้าหาญ วิลม่าได้สมัครเข้าร่วมทีมบาสเก็ตบอลที่โรงเรียนพร้อมกับพี่สาวของเธอ แต่ครูฝึกสอนได้เลือกพี่สาวของเธอ โดยครูฝึกบอกว่า “วิลม่าไม่มีความสามารถพอที่จะเล่นได้” แต่คุณพ่อของวิลม่าบอกกับครูฝึกว่า “ลูกสาวของผมสมัครเป็นคู่ครับ ถ้าครูฝึกจะรับพี่สาวต้องรับน้องสาวด้วย” ในที่สุดครูฝึกก็ต้องรับวิลม่าด้วยความรู้สึกที่ฝืนใจ ครูฝึกได้อนุญาตให้วิลม่าเข้าร่วมในการฝึกซ้อม และใส่เครื่องแบบรุ่นเก่าตลอดเวลา
วิลม่าได้เข้าหาครูฝึกโดยขอร้องว่า “ถ้าท่านจะฝึกหนูในเวลาพิเศษมากกว่าคนอื่นอีกวันละ 10 นาที หนูจะเป็นนักกีฬาระดับโลกให้ครูเลยค่ะ” ครูฝึกได้แต่หัวเราะ สักครู่หนึ่ง เขาก็เริ่มเห็นว่าเธอมีความจริงจังมาก ด้วยความไม่เต็มใจสักเท่าไรของครูฝึกก็ตกลงจะเปิดโอกาสให้เธอฝึกเล่นกับเพื่อนสนิทสองต่อสอง และเด็กชายอีกสองสามคน ในไม่ช้าความตั้งใจและวินัยส่วนตัวของวิลม่าเริ่มได้ผล และเธอได้กลายเป็นนักกีฬาที่มีฝีมือคนหนึ่งของทีมบาสเก็ตบอล
ขณะที่วิลม่ากำลังอยู่ในการแข่งขันบาสเก็ตบอลระดับรัฐ กรรมการคนหนึ่งสังเกตความสามารถของเธอ  และถามวิลม่าขึ้นว่า “เธอเคยวิ่งแข่งขันมั้ย” วิลม่าตอบว่าไม่เคย กรรมการคนนั้นเป็นครูฝึกของทีมนักวิ่งระดับโลก จึงหนุนใจให้วิลม่าลองดู ดังนั้นวิลม่าได้สมัครเป็นนักกรีฑา ด้วยความเป็นนักสู้ ในที่สุดวิลม่าได้แสดงความสามารถของเธอและเป็นนักวิ่งในการแข่งขันระดับรัฐ
เมื่อวิลม่าอายุ 16 ปี เธอได้เป็นนักวิ่งที่วิ่งเร็วที่สุดของประเทศอเมริกาในปี 1956 และได้ไปแข่งขันในระดับโอลิมปิค (Olympic) ที่ประเทศออสเตรเลีย และได้เหรียญทองแดงในการวิ่งผลัด 4X100 เมตร  เป็นการวิ่งไม้ผลัดสุดท้าย(ตำแหน่งที่สำคัญมาก)
ความตั้งใจของวิลม่ามีมากกว่านั้นอีก เธอได้ฝึกซ้อมอย่างหนักในปี 1960 ได้ลงแข่งโอลิมปิคอีกที่กรุงโรม ครั้งนี้เธอประสบความสำเร็จได้เหรียญทอง 3 เหรียญโดยชนะเลิศในการวิ่ง 100 เมตร 200 เมตรและการวิ่งผลัด 4X100 เมตร (โดยถือไม้ผลัดไม้สุดท้าย)และทั้งหมดนี้ วิลม่าได้ทำลายสถิติโลกในการแข่งขันทุกรายการ


- ข้อคิด สุภาษิต 18:21 กล่าวว่า “ความตายความเป็น อยู่ที่อำนาจของลิ้น” ฉะนั้นคำให้กำลังใจที่ออกมาจากลิ้นของพ่อแม่และพี่น้องของเธอ วิลม่า รูดร๊อฟ จึงได้รับผลดีเยี่ยมในชีวิตของเธอ ขอพระเจ้าทรงช่วยทั้งข้าพเจ้าและท่านผู้อ่านที่จะมีคำให้กำลังใจผู้อื่นทุกวัน (ฮบ.3:13) และมากยิ่งขึ้น (ฮบ.10:25) พระธรรมสุภาษิต 4:13 กล่าวว่า “จงยึดวินัยไว้และอย่าปล่อยไป จงระแวดระวังเธอไว้  เพราะเธอเป็นชีวิตของเจ้า” สุภาษิตตอนนี้สอนคล้ายกับสุภาษิตที่ได้กล่าวถึงมาแล้วข้างต้นคือ “ชีวิตอยู่ที่วินัย” เธอเป็นชีวิตของเจ้า” ด้วยระเบียบวินัยที่สูง วิลม่า รูดร๊อฟ จึงได้ผลเยี่ยมในชีวิต เช่นเดียวกันขอพระเจ้าทรงโปรดช่วยเหลือเราให้มีระเบียบวินัยมากยิ่งขึ้นในทุกด้านของชีวิต คำให้กำลังใจบวกกับระเบียบวินัยส่วนตัว โดยอาศัยกำลังของพระเจ้า พระองค์มีฤทธานุภาพแห่งการเปลี่ยนแปลงชีวิตเราได้  ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ วันนี้ ท่านมีคำให้กำลังใจใครหรือยัง ท่านมีระเบียบวินัยส่วนตัวมากน้อยแค่ไหน ขอพระเจ้าช่วยเราทั้งหลายที่จะเปิดใจต่อพระองค์ในสองด้านนี้ เพื่อรับการพัฒนาตามน้ำพระทัยของพระองค์และจะเกิดผลแน่นอน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น